วิธีการดูพระแท้ ตำราดูพระ
ท่านพุทธทาส ได้เขียนเรื่อง "ตำราดูพระ"
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติสรุปมาเผยแพร่
วิธีการดูพระแท้เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้นำไปใคร่ครวญดูว่าพระภิกษุแบบไหนที่ควรกราบไหว้
หรือแบบใดที่ควรห่างไกล ปัจจุบัน
พุทธศาสนิกชนจำนวนไม่น้อยคงจะรู้สึกว่าพระพุทธศาสนาเสื่อมโทรมลงไป ขณะที่วัดวาต่างๆ
บูรณปฏิสังขรณ์ก่อสร้างอย่างสวยงามโอ่อ่า
แต่พระภิกษุสงฆ์กลับมีวัตรปฏิบัติที่บั่นทอนความศรัทธา เช่น มั่วสีกา
ฆ่าเพื่อนพระ เมาสุราอาละวาด เสพสังวาสกับสัตว์ ชอบสะสมทรัพย์ หรือลักเพศ เป็นต้น
หากศึกษาพระไตรปิฎก ก็จะทราบว่าในสมัยพุทธกาล
หรือสมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนมชีพอยู่ก็มีพระภิกษุประพฤติปฏิบัติที่
นอกลู่นอกทาง จนต้องบัญญัติเป็นวินัยหรือข้อห้ามเอาไว้
ท่านพุทธทาส
ได้เขียนเรื่อง "ตำราดูพระ" ซึ่งสำนักงานคณะกรรม
การวัฒนธรรมแห่งชาติสรุปมาเผยแพร่
เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้นำไปใคร่ครวญดูว่าพระภิกษุแบบไหนที่ควรกราบไหว้
หรือแบบใดที่ควรห่างไกล ซึ่งได้แก่
ภิกษุอุจจาระ พระองค์ตรัสว่า
นักบวชที่เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม ไม่สะอาด
มีความประพฤติชนิดที่ตนเองนึกแล้วก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทำที่ต้องปกปิดซ่อนเร้น
ไม่ใช่สมณะก็อ้างตัวว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่คนประพฤติพรหมจรรย์
ก็อ้างว่าประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเน่า เปียกแฉะ
มีสัญชาติหมักหมมเหมือนบ่อที่เทขยะมูลฝอย นักบวชชนิดนี้ คือ คนที่ทุกๆ คนควรขยะแขยง
ไม่ควรคบหาสมาคม ไม่ควรเข้าใกล้
ภิกษุชอบหญิง พระองค์ตรัสว่า
พราหมณ์หรือสมณะใดที่อ้างเป็นผู้รักษาพรหมจรรย์โดยชอบ แม้จะไม่ได้เสพเมถุนกับหญิง
แต่หากยินดีกับการพูดจา เล่นหัวสัพยอกกับหญิง ปลาบปลื้มในลักษณะดังกล่าว
หรือชอบสบตากับหญิง หรือยังชอบฟังเสียงผู้หญิงพูดจา ขับร้อง หัวเราะร้องไห้อยู่ก็ดี
หรือยังชอบระลึกถึงเรื่องเก่าๆ ที่เคยเล้าโลม เล่นหัวกับหญิงอยู่
หรือยินดีปลาบปลื้มกับการได้รับการบำเรอด้วยกามคุณ หรือประพฤติพรหมจรรย์
เพื่อหวังไปเกิดเป็นเทพยดา ถือเป็นความด่างพร้อยแห่งพรหมจรรย์
หรือประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์
ภิกษุแหวกแนว หมายถึง
ภิกษุที่ชอบชักชวนให้คนประพฤติปฏิบัติผิดจากที่พระพุทธเจ้าสอน ทำให้หลงงมงาย
เชื่อในสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ
ภิกษุเนื้อนาที่ไม่เกิดบุญ หมายถึง
ภิกษุที่ประกอบเหตุ 5 อย่าง คือ ภิกษุที่ไม่อดทนต่อรูป รส กลิ่น เสียง
และสัมผัสทั้งหลายที่ก่อให้เกิดความกำหนัดยินดี ไม่อาจตั้งจิตเป็นกลาง (จิตว่าง)
อยู่ได้ หรือจะเรียกอีกอย่างว่า ภิกษุติดบ่วงกามคุณ ก็ได้
ภิกษุทำศาสนาเสื่อม มี 4 ประเภทคือ
1.ภิกษุที่เล่าเรียนพระสูตรอันถือกันมาผิดๆ ด้วยคำและสำเนียงที่ใช้กันผิด
ทำให้ความหมายคลาดเคลื่อน
2.ภิกษุที่ว่ายาก ไม่อดทน
ไม่ยอมรับคำตักเตือนโดยความเคารพหนักแน่น
3.ภิกษุเรียนรู้มาก
คล่องแคล่วในหลักพระพุทธศาสนา รู้ธรรม รู้วินัย รู้แม่บท
แต่ไม่เอาใจใส่ที่จะบอกจะสอนใจความพระสูตรแก่คนอื่นๆ
4.
ภิกษุที่สะสมเครื่องอุปโภค บริโภค ประพฤติย่อหย่อนในไตรสิกขา
มีจิตต่ำด้วยอำนาจแห่งนิวรณ์ ไม่สนใจในกิจแห่งวิเวกธรรม ไม่ทำความเพียรเพื่อบรรลุ
ทำให้ผู้บวชภายหลังนำไปประพฤติเป็นแบบอย่าง ไม่สนใจจะทำสิ่งที่ไม่แจ้งให้แจ้ง
(นิพพาน)
มูลเหตุทั้ง 4
ประการนี้จึงเป็นเหตุให้พระสัทธรรมเลอะเลือนจนเสื่อมสูญในที่สุด
ที่มาหนังสือพิมพ์ข่าวสด คอลัมน์ ศาลาวัด
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdPREEyTURrMU1nPT0=
§ionid=TURNd053PT0=&day=TWpBd09TMHdPUzB3Tmc9PQ==