พระเครื่อง อมูเลทตั้มศรีวิชัย ตลาดพระเครื่องรางของขลัง สวนไผ่สกลนคร หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล วันตรุษจีน2567
>...ตั้มศรีวิชัย TumAmulet ...< Thailand Amulet Charms |
คำแนะนำจากตำรวจเมื่อถูกโกง |
เงื่อนไขการรับประกัน การันตีพระเครื่อง |
สารบัญพระเครื่องเมืองนคร |
ทำเนียบพระกรุเมืองนคร |
ทำเนียบพระเครื่องเมืองนคร |
ชมรมพระเครื่อง |
บูชาพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง Amulets Charms Talismans |
ตลาดพระ amulet for you |
เช่า-บูชา เครื่องรางของขลัง |
พระหลวงปู่ทวด วัดต่างๆ |
จตุคาม-รามเทพ หลักเมืองนคร Jatukamramtep (Jatukarm) |
หลักเมืองนครศรีธรรมราช |
จตุคาม ของดีนำมาโชว์ |
บทความ น่ารู้องค์พ่อจตุคาม |
Jatukam Amulets |
บทความจตุคามรามเทพ |
ลิงค์น่าสนใจ |
หนังสือพิมพ์ |
ลิ้งค์เพื่อนบ้าน |
เทศกาล วันสำคัญ |
ดวง ดูดวง หน้าหลัก |
บทความดีๆ |
นิทานสอนใจ |
วัฒนธรรมไทย ประเพณีไทย |
บทสวดมนต์ สำหรับชาวพุทธ |
พระเครื่อง นานาสาระ |
พระพุทธรูปสำคัญของไทย |
คาถา-อาคม พระคาถาอาคม |
พระพุทธรูปปางต่างๆ |
พุทธศาสนสุภาษิต |
ข่าวพระเครื่อง |
บทความพระเครื่อง |
Thai Buddha Amulets |
ข่าวพระพุทธศาสนา |
ข่าวเครื่องรางของขลัง |
สาระพระเครื่องไทย |
ประวัติพระวิปัสสนาจารย์ |
สวนไผ่ พันธุ์หญ้า ธนภัทรสกลนคร สินค้าเกษตรออนไลน์ ไผ่สายพันธุ์ต่างๆ ไผ่ข้าวหลามกาบแดง ไผ่ซางหม่น หน่อไม้น้ำ หญ้าหวานอิสราเอล หญ้านรกจักรพรรดิ์ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง1 หญ้าเนเปียร์แคระ หญ้าเนเปียร์ท้ายเขื่อนซุปเปอร์ลีฟ สะสมพระเครื่อง แต่ใจรักเกษตรผสมผสาน
|
พระปิดตา พุทธคุณนิยามพระปิดตา
พระปิดตา พุทธคุณ นิยามคำว่าพระปิดตา ชนิดของพระปิดตาแบ่งออกเป็น ๓ ชนิด
๑. ๑ พระปิดตามหาอุดโดยสมบูรณ์นั่งยอง หรือพระเจ้าในครรภ์ สร้างโดยรูปแบบบุคคลาธิษฐานของการปิดทวารทั้งเก้า โดยจินตนาการรูปลักษณะของทารกในครรภ์ ซึ่งมีการปิดทวารโดยอัตโนมัติดังนี้ ประวัติพระปิดตารวมทั้งสิ้นเป็นการปิดทวารทั้งเก้าทวารด้วยกัน ไม่เกี่ยวกับการอายตมะเท่าที่ค้นพบนิยมสร้างด้วยเนื้อตะกั่วเถื่อน เช่นพระของหลวงพ่อดำ วัดกุฎิ ปราจีนบุรี สร้างเป็นลักษณะก้อนกลม มีเท้าทังสองข้างโผล่ให้เห็นเพียงเล็กน้อย ดูคล้ายมิใช่องค์พระ นั่นแหละพระเจ้าในครรภ์ อายุยังน้อยประมาน ๓ เดือนเท่านั้น"พระปิดตา ปักเป้า" แสดงให้เห็นว่าสถิตอยู่ในครรภ์ พระปิดตากุมารในครรภ์ อาจารย์เจ๊ก พระปิดตาหลวงพ่อปาน วัดบางกระสอบ อาจารย์หลวงพ่อเชย พระปิดตาคุมโปง วัดท่าพระ เนื้อชินปรอท เนื้อผงคลุกรักพบบนเพดานพระอุโบสถวัดพระแก้ววังหลวง สร้างขึ้นที่วัดพระแก้ววังหน้า เนื้อดินผสมผงพบในกรุวัดราชนัดดา และอาจมีที่อื่นอีกพระเครื่องปิดตาในรูปแบบนี้ จะเรียกว่า ภควัม พระควัมปติ ไม่เป็นการถูกต้อง เรียกได้เพียงพระมหาอุดหรือพระปิดทวารทั้งเก้าเท่านั้น จึงจะตรงกับความหมาย"พระปิดตา"
การสร้างพระปิดตากุมารในครรภ์ของพระอาจารย์เจ็ก ฐิตธมฺโม มีส่วนประกอบขององค์พระ ดังนี้ ๑. รกหนา หมายถึง ส่วนที่เป็นฐานพระ นิยมขมวดเป็นรูปวงกลม หรือ แผ่นกลม วางไว้ใต้ก้น หรือ ใต้พระบาททั้งสองขององค์พระ ......................................................
๒.๑ พระปิดตานั่งขัดสมาธิ หรือพระเจ้าเข้านิโรธสมบัติ ผิดลักษณะจากทารกในครรภ์ ตามเหตุผลแล้วการเข้านิโรธ ไม่เป็นการปิดทวารอะไร อย่างน้อยยังมีอัสสาสะปัสสาสะ คือลมหายใจเข้า-ออก ยกเว้นเพียงไม่กล่าวคำพูดและไม่ฉันอาหารเท่านั้น อาจดื่มน้ำ เพราะความต้องการของร่างกาย มิเท่านั้น ยังมีการถ่ายหนักถ่ายเบาจากสิ่งที่ตกค้างหลง เหลือภายในร่างกายตามระบบการขับถ่ายและก็มิใช่นั่งเป็นตัวตอ ทั้ง ๗ วัน ๗คืน ก็ แปลรูปเป็นเนสัชชิกังไปในอิริยาบถสี่ ยืน เดิน นั่ง นอน ล้วนเป็นการปฏิบัติสมาธิทั้งสิ้น การทำสมาธิแบบวิปัสสนาญาณ(มิใช่ฌาน)ล้วนตื่นเบิกบาน รู้ตัวทั่วพร้อม ประกอบด้วยสัมมาสมาธิ คือสมาธิลืมตาหรือสมาธิพุทธ ตามองเห็นเป็นรูป ตัวเป็นนาม ไปหลับตาแล้วจะรู้อะไร ส่วนสมาธิหลับตานั้นมิใช่สมาธิพุทธ เป็นมิฉาสมาธิ หรือสมาธิสากล ไม่เลือกลัทธิเป็นพวกไสยศาสตร์ ไสยะแปลว่านอนหรือหลับพุทธะแปลว่าตื่น การที่ พระพุทธโฆษาจารย์แห่งลังกาทรงนิพันธ์คัมภีร์วิสุทธิมรรค ว่าด้วยการปฏิบัติพระกรรมฐาน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันถึง ๔๐ แบบ ล้วนนอกลัทธิพุทธทั้งสิ้น เพราะอะไรก็เพราะว่ากรรมวิธีนี้เกิดมาก่อนพุทธ และพระพุทธองค์ได้ทรงศึกษากรรมวิธีนี้จากพระอาจารย์สองท่านคืออุทกดาบถ รามบุตร อาฬารดาบส รามโคตร์ ซึ่งทั้งสองท่านมิใช่พุทธแต่เป็นโยคีศึกษาแบบนั่งหลับไปจนถึงอรูปฌานก็ไม่เห็นทางหลุดพ้น จัดเป็นเพียงสมถะมีสมาธิแต่ไม่ถึงขั้นปัญญา มีฤทธิ์สามารถแสดงออกได้ เพ่งกสิณก็ได้ เหาะเหินเดินฟ้ายังได้ เช่น คันธารีฤๅษีและพระเทวทัตซึ่งสำเร็จสมาบัติ ๘ คือรูปฌาม ๔ อรูปฌาม ๔ จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาเลื่อมใสของพระเจ้าอชาติศัตรูพระเทวทัตเหาะได้และแปลงกายเป็น พญานคาราชก็ได้ แต่ขั้นโสดาบันยังไม่ได้คือไปสร้างตัวยืด ไม่ทำตัวหลุด แต่ก็เป็น อุปการะในการทำเสโตสมาธิหรือกระทำวิปัสสนาไม่ต่ำช้าอะไร
เมืองไทยเราพอเห็น ใครนั่งหลับตาหรือแสดงฤทธิ์ได้เล็กน้อย ก็ยกย่องเป็นพระอรหันต์เมื่อพระพุทธองค์ ปลีกตัวออกจากอาจารย์ทั้งสองท่านแล้ว ก็ทรงค้นหาทางดับทุกข์จนบรรลุพระอนุตร สัมมาสัมโพธิญาณจากนั้นพระองค์ท่านก็เสด็จออกไปยืนทอดพระเนตรสู่เบื้องบรูพาทิศ หรือทิศตะวันออก ลืมพระเนตรทั้งสองไม่กระพริบตลอด ๗ ทิวาราตี ไม่กลัวแดดเกรงตะวัน ปางนี้เรียกว่าปางถวายพระเนตร ท่านได้สอนไว้แล้วทำตัวอย่างให้ดูท่านผู้ใดยังสงสัยเรื่องสมาธิพุทธลืมตา ว่างๆย่องไปดูพระท่านเดินหลับตาหรือลืมตา เมื่อเดินลืมตานั่งก็ลืมตายืนก็ลืมตา นอนก็ลืมตาได้ เพราะอยู่ในอิริยาบถสี่หลับตานั้นเป็นวิธีของฤๅษี บรรลุฌาน ๘ ลืมตาเป็นวิธีของพุทธบรรลุญาณ ๑๖ แยกญาณกับฌามให้ออก พระเจ้าเข้านิโรธสมบัติส่วนใหญ่เป็นพระอรหันตาเจ้าเรียนรู้สมาธิพุทธตามคำสอนของพระบรมครู ท่านถือสายกลางอย่าไปคิดว่าเคร่งครัดแบบอัตกิลมถานุโยคะ ซึ่งเป็นการเบียดเบียนตนเอง นั่งนานเมื่อยท่านก็ลุกยืนนานท่านเมื่อยท่านก็ออกเดินจงกลม เดินเมื่อยนักท่านก็นอนตะแคงแบบสีหไสยาสน์ตะแคงขวา เป็นการนอนแบบมีสติในการพิจารณาธรรม ถ้านอนตะแคงซ้ายเรียกว่ากามโภคี ใช้ไม่ได้การเข้านิโรธสมาบัติเป็นเพียงการเพิ่มตบะธรรม สำคัญที่สติ ตาก็ดูหูก็ฟัง ไม่ลืมตาแล้วจะไปพิจารณามหาภูตรูป คือธาตุทั้งสี่วัตถุแท่งทึบ โปร่งใสได้อย่างไรเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณรวมเป็นจิตตัวรู้และเป็นนาม จะรู้ตัวทั่วพร้อมได้อย่างไร เพียงแต่ว่าสิ่งที่ผ่านมากระทบอารมณ์จะพิจารณาในธรรมหมวดใด จะเป็นพระไตรลักษณ์ ทุกข์ อนิจจัง อนัตตา หรือพิจารณาในมหาสติปัถฐานสี่ กาย เวทนา จิต ธรรม เช่นกายก็สักแต่ว่าเป็นกายไม่ใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล เราเขา ท่านจะใช้ธรรมสองหมวดยกขึ้นพิจารณา ที่กล่าวว่าวิญญาณ คือธาตุรู้เช่น จักขุวิญญาณ (ตา), โสตะวิญญาณ (หู), ฆานะวิญญาณ (จมูก), ชิวหาวิญญาณ (ลิ้น), มันจะไปรู้อะไรมันเป็นเพียงเจตะสิกจิต (จิตตังเจตะสิกกัง) ตาทำหน้าที่เพียงจับภาพแล้วส่งผ่านไปยังสัญญาจะบอกได้ว่ารูปอะไรภาพอะไร จะกล่าวเพียงว่าเห็นเป็นรูปตัว รู้เป็นนาม ได้ยินเสียงเป็นรูปรู้เป็นนามมันออกจะยากอยู่สักหน่อย เช่นนี้การเข้านิโรธสมาบัติก็ไม่ใช่การปิดทวารแน่(พระปิดตา) ในเมื่อพระคณาจารย์มีความประสงค์จะสร้างพระมหาอุด บางท่านก็แนะแนวกับช่าง บางท่านก็มิได้สนใจสุดแต่ช่างจะจัดการให้ จึงออกมาหลายรูปแบบตามความรู้ของช่าง จึงอย่าไปยึดติดในรูปเพราะพระมหาอุดหลายชนิดไม่มีการปิดตาเช่น พระพิจิตรหัวดง พระท่ากระดาน พระร่วงสนิมแดง พระหูยานลพบุรี พระท่ามะปราง ฯลฯ เป็นต้น
ยังมีความเชื่อกันผิดๆว่าใครมีพระปิดตาแล้วจะขัดลาภขัดผล เช่นนี้ลองดูได้ ใครมีพระปิดตาวัดทองสุวรรณารามของหลวงพ่อทัพ และพระปิดตาวัดหนังของหลวงปู่เอี่ยม ไม่ต้องมีมากแค่อย่างละ 20องค์พอขอให้เป็นของแท้ ลาภผลจะไหลมาเทมาเรียกว่ารับเละแน่นอน ประเภทมีกูไว้ไม่จนเช่นกัน
พระปิดตาแบบพระเจ้าเข้านิโรธปรมาจารย์ผู้ปลุกเสกมีเจตนาให้เป็นพระมหาอุด จะไปเรียกพระควัมปติไม่ได้ เรียก ภควัม พออนุโลม เรียกพระปิดตาก็ได้ เพียงระบุวัดด้วยรูปแบบแห่งบุคคลาธิษฐานอธิบายแล้ว มิใช่ปิดทวารทั้งเก้าส่วนมากค้นพบสร้างด้วยเนื้อเมฆสิทธิ์ เช่น พระปิดตาวัดอนงคาราม ของหลวงพ่อทับ เนื้อเมฆพัด ปิดตาวัดห้วยจระเข้ ของหลวงพ่อนาค พระปิดตาวัดพะเนียงแตก ของหลวงพ่อทา พระปิดตาหลุมดิน ของหลวงพ่อปล้อง มากมายจำไม่หวาดไม่ไหว พระปิดตาที่สร้างมีทั้งเนื้อสัมฤทธิ์เงิน สัมฤทธิ์ทอง พระคาถาประจำองค์พระ "พระปิดตา" .............................................
๓.พระปิดตานั่งขัดสมาธิ ยกหัตถ์ทั้งสองขึ้นปิดพระพักตร์ เว้นส่วนอื่นเป็นองค์สมมุติ ของพระอรหันตาเจ้า แต่จะเป็นองค์ใดคงต้องพิจารณากันต่อไป มีความผิดแผกแตกต่างกับ พระปิดตาชนิดที่1 และพระปิดตาชนิดที่2 ทั้งรูปและนาม พระปิดตาสองแบบแรกรูปลักษณ์ไปคนละอย่าง อิทธิคุณออกไปด้านป้องกันคุ้มครอง ทั้งมิได้เป็นองค์แทนของผู้ใด ส่วนแบบที่3 ที่จะกล่าวถึงนี้ อิทธิคุณเน้นหนักไปในทางนิ่มนวล เมตตามหานิยม เสน่ห์ ลาภผล แคล้วคลาด การจัดสร้างเนื้อหาก็แตกต่างกัน ไม่นิยมใช้สัมฤทธิ์เงิน สัมฤทธิ์ทอง เมฆพัด เมฆสิทธิ์ ที่สร้างขึ้นส่วนมากประกอบด้วย เนื้อผงตัวยาคลุกรัก คือผงมหาราชหรือผงอิทธิเจ อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นผงวิเศษ ประเภทเมตตามหานิยมที่แกะด้วยไม้โพธิ์ กาฝากรักซ้อน บรรจุด้วยพระธาตุสิวลีห่อด้วยกระดาษสาลงพระยันต์ อุดด้วยขี้สูดดินราบ(ชันโรงใต้ดิน) ถ้าแกะด้วยรากชิงหายผี นำไปแช่น้ำมันจันทน์ เสกจนพระลุกขึ้นนั่ง พุทธคุณพระปิดตา เอาน้ำมันทาตัวล่องหนแล ที่แกะด้วยงาช้างและกระดูกสัตว์ก็พอมีอยู่ แต่ไม่เป็นการถูกต้องเทพสิงจะไม่สถิตในกระดูกสัตว์เดรัจฉานได้เพียงพลังจิตของผู้ปลุกเสกเท่านั้น ที่สร้างด้วยเนื้อโลหะส่วนมากเป็นพวกชินตะกั่ว ความมุ่งหมายของการสร้าง เป็นไปได้ทั้ง บุคคลาธิษฐาน และธรรมาธิษฐาน นิยมเรียกกันว่า “พระควัมปติ”
พระควัมปติ หมายถึงพระอรหันต์รูปใดในตำนานพุทธสาวกกล่าวว่า ท่านคือพระควัมปติเป็นพระสาวกรุ่นแรกๆ ของพระพุทธองค์ ก่อนอุปสมบทดำรงฐานะอยู่ในขั้นเศรษฐีมีทรัพย์ ระดับเดียวกันกับ ยสมานพ(อ่านยะสะ) เป็นเพื่อนเกลอรักใคร่ชอบพอกันมาก ครั้งเกิดธรรมาพิสมัย จึงพร้อมใจกันอุปสมบทในสำนักของพระบรมศาสดา ภายหลังต่อมาได้บรรลุอรหันต์ทั้งสองรูปท่านพระควัมปติทรงเป็นเอตะทัคคะ 1 ในพระอรหันต์ผู้ทรงเอตะทัคคะ 80รูปในด้านอินทรีย์สังวร ท่านบรรลุซึ่งเตวิชโชหรือวิชชาสาม เชี่ยวชาญในอิทธิวิธี เชียวชาญทางวิปัสสนากรรมฐาน เคยใช้ฤทธิ์ห้ามกระแสน้ำในลำน้ำสรภู ซึ่งไหลเชี่ยวให้หยุดไหลได้ อาการที่สำรวมทั้งภายนอกภายในโดยเคร่งครัดสม่ำเสมอนี้ ทำให้เทพยดาแลมนุษย์พากันเคารพสรรเสริญ ต่อมาได้พากันสร้างรูปของท่านเพื่อสักการบูชาลักษณะการยกพระหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์จัดเป็นธรรมาธิษฐาน มิใช่บุคคลธิษฐาน เพราะการสำรวมอายะตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไม่จำเป็นต้องปิดหน้า"พระปิดตา" แต่เป็นการแสดงความหมายให้ทราบเท่านั้น
ตำนานพระปิดตา อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า "พระปิดตา"ชนิดนี้คือพระมหากัจจายน์เถระเจ้า ปางอธิษฐานเนรมิตกาย ความเดิมมีว่าท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าท่านนี้ เป็นเอตะทัคคะในการขยายความย่อให้พิสดาร และเป็นผู้วางหลักสูตรพระบาลีมูลกัจจายน์ คือการสอนพระบาลีไวยากรณ์ในสมัยก่อน เกิดในวรรณะพราหม์ในสกุลกาญจนโคตร ประกอบผิวพรรณวรรณะ อาการแห่งลีลารวมทั้งวรกายละม้ายคล้ายองค์พระบรมศาสดาเจ้า หากดำเนินมาแต่ไกล ผู้คนมักจะจำผิดพากันคิดว่าพระพุทธองค์เสด็จและแม้แต่เทพยดาก็พากันหลงผิด ลีลาสง่างามยิ่งนัก เป็นที่เสน่หานิยมชมชอบของเทพยดาแลมนุษย์ชายหญิงทั้งหลาย และพากันถวายฉายาว่า “ควัมปติ” แปลว่าผู้มีวรกายแลละม้ายคล้ายพระศาสดา (ได้ค้นศัพท์ในพจนานุกรมแล้วไม่มีปรากฏ) ในกาลครั้งหนึ่งโสไรยเศรษฐีบุตร พ่อค้าวานิช ได้คุมกองคาราวานไปค้ายังเมืองไกล บังเอิญประจวบเหมาะได้พบเจอกับท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าก็คิดรำพึงอยู่ภายในไจว่า ภรรยาเรานะนับว่ามีความงามเป็นเลิศ ยังมิอาจเทียบเท่ากับสมณะท่านนี้ หากเราได้ภรรยาเช่นนี้จะปลื้มใจสักเพียงใด พอความนึกคิด สะดุดหยุดลง โสไรยเศรษฐีบุตรพลันกลับกายร่างเป็นเพศหญิงในทันทีทันใด บังเกิดความละอายยิ่งนัก หลบหน้าหลบตาไม่ยอมพบประผู้คน ทั้งไม่ยอมหลับไปยังสถานที่อยู่เดิม ทอดทิ้งบุตรภรรยาและบิดามารดาให้รอคอยด้วยความกระวนกระวายใจ สุดท้ายหมดเนื้อหมดตัว ไปได้สามีแลได้บุตร๒ คน รวมกับบุตรที่มีอยู่เดิม ๒ คน เป็น ๔ คน ยิ่งฟุ้งซ่านใหญ่กาลเวลาผ่านมาหลายปี จนกระทั้งอยู่มาวันหนึ่งนางก็ได้เห็นท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้า ออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ นางจรึงจัดภัตตาหารพร้อมด้วยขันใส่ข้าวสุก ไปคอยดักใส่บาตร และกราบทูลความเป็นไปให้ทราบ อ้อนวอนให้ท่านพระมหากัจจายนะเจ้าจงโปรดช่วยเหลือ ท่านมหากัจจายนะเถระเจ้าจรึงนัดพบหลังจากเสร็จจากการบิณฑบาตและกระทำภัตตกิจเรียบร้อยแล้ว ท่านกล่าวว่านึกไม่ถึงและไม่มีเจตนาแต่ประการใดเพียงแต่มีข้อแม้ว่าหากท่านช่วยอธิษฐานกลับเพศให้ได้ดังเดิมแล้ว โสไรยเศรษฐีบุตร ต้องอุปสมบทเป้นพระภิกษุในพระบวรพุทธศาสนาโสไรยเศรษฐีบุตรจึงตกลงรับคำ และกลับเพศให้สมปรารถนาท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าทรงเป็นอุปัชฌาย์อุปสมบทให้โดยเรียบร้อย ภายหลังต่อมาพระโสไรย ได้บรรลุอรหัตตผล
ท่านพระมหากัจจายนะเถระเจ้าจึงทรงรำพึงว่า อันความสวยความจนทำให้เทพยดาแลผู้คนพากันใหลหลงเป็นของมีโทษ เรียกว่ากามวิตก เป็นหนทางแห่งการมัวหมองเราควรจะแปรเปลี่ยนสรีระเสียใหม่ให้สิ้นซึ่งความสง่างาม รำพรึงดังนั้นแล้วท่านก็ทรุดองค์ลงนั่งคู่บรรลังก์ยกหัตถ์ขึ้นปิดพระพักตร์ อธิษฐานเนรมิตวรกาย ให้มีรูปร่างอ้วนเตี้ยม้อต้อมีอุทรอันพลุ้ยสิ้นซึ่งความสง่างามลักษณะเช่นนี้เรียกว่า บุคคลาอธิษฐาน มิใช่ธรรมาอธิฐาน ท่านผู้อ่านจะยึดในธรรมาธิษฐานหรือบุคคลธิษฐาน หรือจะเชื่อเหตุผลใดเหตุผลหนึ่งก็สุดแต่ใจเถิด ล้วนเป็นของประเสริฐทั้งสิ้น ปรัศนีนี้มักนำปัญหาค้านแย้งมาให้ขบคิด ปัญญาจะได้แตกฉานพระอรหันต์ตามที่กล่าว นี้เป็นคนละองค์ ปรากฏในตำนานพุทธสาวก แลทรงเอตะทัคคะไปคนละแนว ถ้าหากเป็นองค์เดียวกันปัญหาจะไม่ยุ่งยาก แต่อย่างไรก็ตาม ท่านพระควัมปติ เป็นพระนามตรงและเรียกกันมาแต่โบราณกาลแล้ง สำหรับการแนะแนวถ้าเรานึกบุคคลาธิษฐาน ท่านก็คือ พระมหากัจจายนะเถระเจ้าถ้าเราคิดไปในแง่ธรรมาธิฐาน ท่านก็คือ พระควัมปติคิดไปได้สองแง่สองมุม หรือสองนัยะอย่าไปคิดฟุ้งสร้านติดยึดในรูปนาม นามะ รูปังทุกข์นามารูป์อนิจจ์ นามารูปังอนัตตา
สรุปคำว่าพระปิดตา ชนิดของพระปิดตาแบ่งออกเป็น 3ลักษณะ ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความเนื่องจากรวบรวมและลงไว้นานแล้วจำไม่ได้ว่าเป็นของท่านใด |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (161033) | |
เหมือนจะเขียนเพื่อเชียร์ พระปิดตา ( 2 มือ ) ความหมายของพระปิดตาเอาแบบง่ายเลยนะ คือปริศนาธรรมเตือนใจไม่ให้ผู้ปฎิบัติธรรมหลงในรูปรส กลิ่น เสียง ปิดทวาร รักษาพรหมจรรย์ ไม่ประพฤติผิดในกาม...ไม่จำเป็นต้องเน้น อาจารย์ทีปลุกเสก หากแต่เน้นที่ผู้ปฎิบัติ บูชา ว่าเข้าใจในธรรม และ ปริศนาธรรม ในวัตถุมงคลที่บูชาหรือไม่ มีของดีแต่ใช้ไม่เป็นไม่รู้วิธีใช้บูชายังไงก็ไม่รวยหรอก ผู้ที่บูชาพระปิดตาแล้วรวยคือผู้ที่รู้จักใช้เงินตามปริศนาธรรมของพระ - ปิดตาไม่มองหาของก่อกิเลส มองแล้วฟุ่มเฟือยตังส์ก็หมด - ปิดจมูก และ ปาก ไม่ให้หลงไหลในรสในกลิ่น กินตะกละตังส์ก็หมด - ปิดหู ไม่ใช่ไม่ฟัง แต่ ฟังอย่างพินิจ พิจารณา ไม่ละโมบ ตังส์ไม่หมด - ปิดทวาร ไม่ประพฤติผิดในกาม ก็ไม่มีเรื่อง ไม่มีโรค ให้เสียตังส์ ทำได้แบบเนี้ยะ + พุทธานุภาพ รวย แน่ครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น Mu วันที่ตอบ 2016-12-21 16:20:10 |
[1] |