
พิพิธภัณฑ์ พระเก้าหน้า"พระสมเด็จอภิมหาเศรษฐีนวโกฏิ" |
พระสมเด็จอภิมหาเศรษฐีนวโกฏิ หรือที่มีนามเรียกขานกันหลายชื่อ เช่น พระเก้าหน้า, พระสมเด็จเก้าหน้า, สมเด็จเศรษฐีเก้าหน้า, พระเศรษฐีนวโกฏิ ฯลฯ เป็นพระ 1 ใน 3 พระปฏิมากรสำคัญซึ่งสถาปนาในอาณาจักรล้านนาฝ่ายอรัญวาสี (พระป่า) ผู้ทรงธรรมในวิปัสสนาแต่โบราณ โดยสร้างขึ้นเป็นรูปนิมิต สัญลักษณ์แห่งโชคลาภ เป็นรูปจำลองพระปฏิมากรปางสมาธิหรือปางพนมมือ มีเก้าหน้า ประทับนั่งสมาธิ
ในตำนานกล่าวว่าสมัยพุทธกาล มีมหาเศรษฐีใจบุญ 9 คน เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา จึงถวายตัวเป็นพุทธอุปัฏฐาก คอยช่วยเหลือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อมามหาเศรษฐีทั้งเก้า ก็ได้บรรลุธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอน จึงได้เป็นโสดาบัน ซึ่งถือว่าตำนานนี้แฝงไว้ด้วยปรัญชาธรรม ที่ว่าคนมีเงินควรสละทรัพย์เพื่อการทำความดี จึงจะได้ไปจุติยังชาติภพที่เหมาะสม และเป็นตัวอย่างในการแบ่งปันน้ำใจของคนในสังคม
"เก้าหน้า หรือ ก้าวหน้า" มีคำอธิบายในความหมายเป็นคำพ้องเสียง ที่มีความหมายเป็นมงคล ทั้งสองคำ ไม่ว่าจะเป็นเก้าหน้ามีผู้ดูแลคุ้มครองถึง 9 ทิศ และเลข 9 เป็นความเชื่อของคนไทยมานานแล้วว่าเป็นเลขมงคล ส่วนก้าวหน้ามีความหมายว่าเจริญไปข้างหน้า รุ่ง เรือง ร่ำรวย

พระสมเด็จอภิมหาเศรษฐีนวโกฏิ หรือ สมเด็จพระเก้าหน้า |
ทั้งนี้ ผู้ที่ศึกษาประวัติความเป็นมาของ "พระสมเด็จอภิมหาเศรษฐีนวโกฏิ" จนเข้าขั้นรู้ลึกรู้จริงคนหนึ่งก็คือ อาจารย์โหรพุทธพร แข็งแรง เจ้าพิธีโหราศาสตร์ชั้นสูง รางวัลเทพทองพระราชทาน และประธานผู้ก่อตั้งศูนย์ส่งเสริมศิลปินศิลปะและวัฒนธรรม, ประธานกรรมการเปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทย โดยได้สืบสานการสร้างพระเศรษฐีนวโกฏิ ให้ประชาชนคนไทยทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งผู้ที่เคารพนับถือได้บูชาสืบเนื่องมานานกว่า 30 ปี
พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระเก้าหน้า พระสมเด็จอภิมหาเศรษฐีนวโกฏิ ล่าสุด "อาจารย์โหรพุทธพร" จึงเกิดแนวคิดสร้างพิพิธภัณฑ์สมเด็จอภิมหาเศรษฐีนวโกฏิ (สมเด็จพระเก้าหน้า) ซึ่งถือว่าเป็นแห่งแรกของเมืองไทย โดยจะจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันเสาร์ที่ 18 ก.ค.2552 ณ ห้องราชพฤกษ์ สโมสรกองทัพอากาศ ดอนเมือง ถ.พหลโยธิน กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 09.00-22.00 น. ในงานจะมีพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญเลี้ยงพระนับร้อยรูป โดยมีพระสงฆ์กว่า 200 รูปมาร่วมสวดพระคาถาภาษาล้านช้าง, ล้านนา และมอญ จะมีการแจกพระกริ่งสมเด็จอภิมหาเศรษฐีนวโกฏิ ใต้ฐานบรรจุเหล็กไหลหลวงปู่มั่น จำนวน 1,999 องค์ ซึ่งผ่านการปลุกเสก ณ วัดบวรนิเวศวิหาร, วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ, วัดแจ้งศิริสัมพันธ์ นนทบุรี และวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทยมากกว่า 999 วัด โดย สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ เมตตามอบให้ผู้มาร่วมงานทุกท่าน
ที่สำคัญ พระรุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายที่หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นประธานจุดเทียนชัยและร่วมปลุกเสกก่อนที่ท่านจะมรณภาพ และได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2551 และ 28 ก.ค.2551 หลังจากนั้นได้ทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 1 เม.ย.2552 พร้อมทั้งถวายพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
สำหรับเหตุผลของการจัด สร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นนั้น โหรพุทธพรบอกว่า ต้องการให้เป็นแหล่งรวมพุทธศิลป์พระสมเด็จเก้าหน้า เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจ เพราะน้อยคนนักที่จะทราบถึงประวัติความเป็นมา อีกทั้งบางคนที่เคยเห็นพระสมเด็จปางนี้ ยังเกิดความฉงนว่าทำไมจึงต้องมีถึงเก้าหน้า
ในส่วนของอาคาร พิพิธภัณฑ์สำหรับอัญเชิญองค์สมเด็จอภิมหาเศรษฐีนวโกฏิไปประดิษฐานนั้น มีอยู่ด้วยกันหลายแห่ง คือ ที่สำนักสงฆ์พุทธพร แข็งแรง บนเนื้อที่ 217 ไร่ ณ ภูลังกา อ.บ้านแพง จ.นครพนม, ภูวิมาน เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 41 ไร่ และที่ภูรุ้งฟ้า บนเนื้อที่ 118 ไร่ จ.เชียงใหม่
ส่วนใคร ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ก็มีให้ได้ชมกันเป็นตัวอย่างที่สำนักงานท่านอาจารย์โหรพุทธพร แข็งแรง เลขที่ 49/9 อาคารนนท์ทาวเวอร์ A ถ.ติวานนท์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี สอบถามโทร.0-2968-9807-8, 0-2968-8669,08-1499-6791
ใครอยากรู้ เรื่องราวพระสมเด็จเก้าหน้า ไม่ควรพลาดไปชมกันได้ในงานนี้ เพราะนอกจากจะมีการนำพระสมเด็จเก้าหน้าทุกแบบทุกเนื้อ มาโชว์ให้ได้ชมกันเป็นบุญบารมี โดยไม่เสียค่าเข้าชมใดๆ ทั้งสิ้น ยังจะได้วัตถุมงคลติดไม้ติดมืออีกด้วย นอกจากนี้ ผู้ที่ต้องการประลองฝีมือการถ่ายรูป ในวันงานยังได้จัดให้มีการประกวดรูปถ่ายพระสมเด็จอภิมหาเศรษฐีนวโกฏิ โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือก รางวัลที่ 1-3 ได้รับพระสมเด็จอภิมหาเศรษฐีนวโกฏิขนาดบูชาเป็นที่ระลึก พระเศรษฐีนวโกฏิ ของวัดต่างๆ คาถาพระเศรษฐีนวโกฎิ
ที่มาหนังสือพิมพ์ข่าวสด